โดยทั่วไปแล้วเมื่อเราต้องการติดตั้งหลังคาเมทัลชีท ก็จะต้องสั่งซื้อสกรูสำหรับติดตั้งคู่กันไปด้วยเสมอๆ โดยสกรูก็มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยของการนำหลังคาไปติดตั้ง ทั้งเรื่องหัวเจาะที่เหมาะสมกับแปที่จะนำหลังคาไปติดตั้ง ความยาวที่หลากหลาย และอีกสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่เข้ามาในความคิดเมื่อเลือกซื้อสกรูปลายสว่านก็คือราคาที่แตกต่างกันไป

 หากสงสัยว่า “ทำไมสกรูที่หน้าตาคล้ายๆกัน บางครั้งกลับมีราคาที่ไม่เท่ากัน? ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปถึงเวลาเลือกใช้งานสกรูเมทัลชีทที่ผ่านมา เคยหรือไม่? กับการที่ซื้อสกรูมาแล้วไม่ได้คุณภาพ เจาะแปเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง, หัวไหม้ก่อนเจาะจนต้องถอดทิ้งบ้าง, สกรูกระเด็นหลุดร่วงตกพื้นต้องทิ้งจนบางครั้ง เสียสกรูไปเป็นสิบสิบตัว จากที่ซื้อมาร้อยตัว หรือเคยเจอปัญหาต้องกลับไปแก้งาน ทั้งที่เพิ่งส่งงานไปได้ไม่ทันไร ก็มีปัญหาน้ำรั่วซึมตามหัวสกรูหรือปัญหาสนิมขึ้นตามมาภายหลัง

ปัญหาเหล่านี้นำพาไปสู่การต้องเสียเงิน เสียแรง เสียเวลา เพื่อไปซื้อของใหม่ไปแก้งาน​ ส่วนใหญ่ก็จะมากจากการเลือกใช้สกรูติดตั้งเมทัลชีทที่ไม่ได้คุณภาพ

แล้วสกรูติดตั้งเมทัลชีทที่มีคุณภาพจะต้องเลือกอย่างไร ?

วิธีการเลือกสกรูเมทัลชีท ให้ได้สกรูที่มีคุณภาพ ทำงานได้ง่ายตอนติดตั้ง และมั่นใจว่าไม่ต้องเสียเวลากลับมาแก้งานภายหลัง สามารถตรวจได้จากส่วนต่างๆ ดังนี้

1. หัวเจาะ

 สิ่งแรงที่หลายๆ คนนึกถึงเมื่อพูดถึงหัวเจาะของสกรูคือเรื่องความคมที่ช่วยให้เจาะได้ไว ทำงานได้ง่าย แต่สกรูที่ดีนั้นนอกจากหัวเจาะที่คมเจาะได้ไว เบาแรง อีกความสำคัญคือการยึดจับกับแปได้แน่น ไม่หลวมหลุดง่ายเพราะแผ่นเมทัลชีทเมื่อเจอความร้อนจะเกิดการขยายตัวทำให้ดันตัวสกรูตามการขยายตัวในตอนกลางวัน ทำให้สกรูทั่วไปจะเด้งหลุดออกจากแป ทำให้เกิดน้ำรั่วได้ในภายหลัง

สกรูติดตั้งเมทัลชีท ที่ดีต้องมีหัวเจาะคม
หัวเจาะของสกรูติดตั้งเมทัลชีทมีผลต่อการยึดแป

2. แกนสกรู

 เพราะสกรูติดตั้งหลังคาเมทัลชีทนั้นมีขนาดความยาวมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่นิยมใช้หลังคาเมทัลชีทฉนวน PU โฟม ที่ต้องใช้สกรูความยาวถึง 3 นิ้ว ทำให้ช่างหลายๆท่านจะเจอปัญหาสกรูแกว่งหลุดระหว่างติดตั้ง เสียสกรูทิ้งโดยใช่เหตุ สกรูที่ดีต้องมีการควบคุมการผลิตให้ได้มาตรฐาน แกนสกรูตรง ไม่แกว่งระหว่างติดตั้ง

สกรูติดตั้งเมทัลชีทที่ดีควรยึดเกาะแน่น ไม่หลุดง่าย
สกรูติดตั้งเมทัลชีทที่มีคุณภาพ แกนสกรูต้องไม่เบี้ยว

3. เกลียวบน

 จุดแตกต่างที่สำคัญของสกรูหลังคาเมทัลชีทที่ต่างจากสกรูหลังคาชนิดอื่นๆที่เราเห็นได้ชัดเจนคือ สกรูเมทัลชีทจะมีเกลียวใต้หัวสกรู เกลียวนี้มีหน้าที่ในการพับแผ่นหลังคา งัดให้ขึ้นไปอยู่ในซีลยาง ทำให้แผ่นหลังคาแนบกับซีลได้แนบสนิดช่วยป้องกันน้ำรั่วซึม และนอกจากนี้ยังช่วยล็อคป้องกันไม่ใช้แผ่นเมทัลชีทรูดหลุดจากสกรูเมื่อเจอแรงกดทับจากการเดินระหว่างการติดตั้ง

4. ซีลยาง

 ซีลยางเป็นตัวสำคัญที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างระหว่างหัวสกรูกับแผ่นเมทัลชีท ที่จะอยู่ควบคู่กันไปตลอดอายุการใช้งาน ซีลยางที่ไม่ได้คุณภาพมักจะไม่ทนทานต่ออุณหภูมิทำให้กรอบแตกเมื่อเจอกับความร้อนของแผ่นหลังคา ทำให้ซีลเสื่อมแข็งตัวกดแผ่นหลังคาบุบเสียหายทำให้น้ำรั่ว หรือซ้ำร้ายยิ่งกว่าเมื่อซีลยางบางตัวก็อาจฉีกขาดได้อย่างง่ายดายในระหว่างติดตั้ง ซีลยางที่ดีจึงต้องมีความยืดหยุ่นและทนทานสูง นอกจากนี้ยังต้องมีคุณสมบัติที่ป้องกันการถ่ายเทประจุไฟฟ้า ที่ช่วยลดการเกิดปัญหาสนิมที่เกิดบริเวณหัวสกรูและแผ่นหลังคาได้อีกด้วย

5. สารเคลือบกันสนิม

 เนื่องจากเมทัลชีทนั้นผลิตจากวัสดุที่แตกต่างจากหลังคากระเบื้องทั่วไป ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องปัญหาการเกิดสนิม แผ่นเมทัลชีทที่มีคุณภาพจึงได้มีการกำหนดมาตรฐานการเคลือบผิวที่หลากหลาย เช่นเดียวกับสกรูติดตั้งที่มีการเคลือบป้องกันการเกิดสนิมในระดับที่แตกต่างกันไป โดยสังเกตุได้จากระยะเวลาการรับประกัน หากเลือกเมทัลชีทที่มีการรับประกันเท่าใด ก็ต้องเลือกใช้สกรูติดตั้งที่มีอายุการรับประกันที่ทัดเทียมกันไปด้วยเช่นกัน

อย่าลืม!! สกรูติดตั้งหลังคาหน้าตาคล้ายๆกัน แต่คุณภาพอาจไม่เหมือนกันเสมอไป เลือกใช้สกรูที่ดี ช่วยป้องกันหลากหลายปัญหา ทำงานง่าย ติดตั้งไว ไม่บานปลาย ไม่ต้องแก้งานภายหลัง เลือกใช้สกรูคุณภาพ “FIX-3” และ “สกรูฟิกซ์-เขียว”

เมทัลชีท PU ต้องสกรู X-TITE STL ยึดแน่น ป้องกันน้ำรั่ว ชัวร์ - ฟิกซ์เขียว
https://www.inno-cons.com/th/x-tite-stl-fastener-screw/